ตอนที่ 2 ช่วงของการเริ่มต้น

เรื่องเล่าของข้าพเจ้า ตอนที่ 2 ช่วงของการเริ่มต้น

ตั้งแต่วันแรกที่ผมตัดสินใจเริ่มต้นพบคน หลังจากได้ฟังหลักการทำงานจากคุณธารินทร์บอกว่า สถิติการพบคนมีค่าเฉลี่ย 10 ต่อ 1 นั่นแสดงว่าถ้าเราพบคนที่เป็นผู้มุ่งหวังจะเป็นลูกค้า ใน 100 คนมีความน่าจะเป็น ในการขายได้ 10 คน ผมได้เก็บข้อมูลการพบคนอย่างต่อเนื่อง จาก 10 เป็น 20,21 และคนที่ 22 ผมจึงเริ่มขายได้เป็นรายแรกในแบบประกัน 20 PLP เบี้ยประกัน 3,581 บาท เป็นทหารเรือรุ่นพี่ คุณวัชระ ตันติกุล ผู้เคยร่วมทุกข์สุขกันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ครั้งเมื่อพวกเราอยู่ร่วมกันที่ชายแดน เหตุผลในการขายได้เพราะความไว้วางใจเป็นการส่วนตัวที่มีความเป็นเพื่อน แต่ต้องใช้เวลาอธิบายอย่างมากมาย จนเพื่อนถามว่า “แน่ใจหรือว่าจะทำงานนี้จริงๆ” ตอบเพื่อนไปว่า “สัญญาว่า ผมจะดูแลกรมธรรม์ฉบับนี้ตลอดไป” ต้องขอขอบคุณเพื่อนผู้พี่ท่านนี้เป็นอย่างมากสำหรับการให้คนๆหนึ่งได้ก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้…….ผมใช้เวลาจากวันที่ 15 ตุลาคม 2531 ขายได้วันที่ 19 พฤศจิกายน 2531 นับเวลาได้เดือนเศษ นั่นเป็นเพียงก้าวแรกสำหรับการเรียนรู้ในงานขายประกันชีวิต ผมยังคงมุ่งมั่นต่อไปสำหรับการหาลูกค้ารายที่สอง ด้วยการเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ ที่ตนเองคิดว่า เขาหรือเธอ ญาติ คนรู้จัก คนเคยชอบพอกัน น่าจะให้ความไว้วางใจผม และยอมรับการเสนอขายประกันจากผมบ้าง มีการเดินทางไปจังหวัดฉะเชิงเทรา นั่งรถเมล์ประจำทาง โดยผมมีความหวังว่าคงได้รับการต้อนรับที่ดี ผลที่ได้ไม่เป็นไปตามความคาดหมาย เดินทางกลับมาบ้านที่จังหวัดปทุมธานีอย่างหมดหวัง แต่ยังไม่สิ้นพลัง เขียนบทกลอนไว้ปลุกเร้าจิตใจของตนเองระหว่างการเดินทาง

“ขายประกัน ไม่มีวัน จะจบสิ้น ถ้าแผ่นดิน ไม่กลบหน้า ข้าฯเสียก่อน ไกลแค่ไหน อยู่ที่ใจ ไม่อาวรณ์ ถึงหนาวร้อน ฝนกระหน่ำ ทำต่อไป”

ใช่จริงๆด้วย ผมเดินทางฝ่าสายฝน ฝ่าความร้อน ฝ่าความหนาว ผมเดินทางไปจังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด เพื่อทำการสนอขาย เช่นเดิมครับ ยังไม่มีใครให้การตอบรับการขายประกันชีวิตของผมเช่นเดิม อาจเป็นเพราะผมเป็นทหารมานานเกินไป 10 กว่าปีแล้วที่ผมใช้ชีวิตการเป็นทหาร ผมมีความเชื่อมั่นในตนเองสูงมาก ผมเชื่อว่าผมตอบข้อโต้แย้งที่เป็นข้อสงสัยในปัญหาต่างๆของลูกค้าได้อย่างชัดเจน มีความกล้าหาญ และองอาจ แต่ทำไม? คนที่ฟังผมอธิบายแบบประกัน อธิบายผลประโยชน์ต่างๆ ที่ครอบครัวของพวกเขาจะได้รับ จึงยังไม่ตัดสินใจซื้อประกันกับผมเล่า? ผมเขียนบทกลอนเพิ่มเติมขึ้นมาปลอบใจตนเองอีกว่า

“ขายประกัน นั้นไม่ยาก ถ้าอยากขาย ขายไม่ได้ ไม่สำคัญ อย่าหวั่นไหว ไม่ออกไป พบคน ก็จนใจ จะขายได้ ต้องขยัน หมั่นพบคน”

ไปทั่วทุกแห่ง สุดท้ายก็หวนกลับมาหาคนในแวดวงทหารเรือ คุณจำเนียร ปิ่นแก้ว เป็นรุ่นน้องเหล่าสื่อสารด้วยกัน ใช้ความเพียรพยายามอธิบายอย่างละเอียด หลังจากที่พบคนใหม่มาแล้วอีก 24 คน ทำให้ขายรายนี้ได้เป็นแบบประกัน 21 TMAE ทุน 100,000 เบี้ยประกัน 7,530 บาท ในวันที่ 18 มกราคม 2532 ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น ผมยังคงทำงานต่อไปทั้งการเดินทางระยะใกล้ ระยะไกลมากขึ้นไปเรื่อยๆ ไกลขนาดไหนหรือครับ ลองคิดดูซิครับ ผมเป็นคนภาคกลาง มารับราชการทหารเรืออยู่กองเรือยุทธการ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้ไปราชการออกเดินเรือทั้งเรือรบ เรือสำรวจสมุทรศาสตร์ จนเดินทางไปมาเกือบทั่วทั้งอ่าวไทย และยังมีโอกาสมารับราชการชายแดน ที่ นปข.(หน่วยปฎิบัติการตามลำแม่น้ำโขง) จังหวัดนครพนม ผมเคยคิดในบางครั้งว่า ครั้งหนึ่งที่ผมเคยมีโอกาสมาทำงานด้าน ปจว.(ปฎิบัติการทางจิตวิทยา)ที่จังหวัดนครพนมแห่งนี้ ทำหน้าที่เล่นดนตรี เพื่อสร้างความสุข ความบันเทิงให้กับมวลชน คราวนี้สำหรับการเดินทางกลับมาหาแฟนเพลงที่เคยชื่นชมผม เคยสนับสนุนผม โดยมีวัตถุประสงค์ใหม่คือการเสนอขายประกันชีวิต น่าจะได้รับการต้อนรับ จึงเตรียมเสื้อผ้า 2-3 ชุดเดินทางไกลอีกครั้งเพื่อไปขายประกันชีวิต สินค้าที่ผมเชื่อว่าเป็นประโยชน์กับทุกๆคน แล้วผมก็พบกับความผิดหวังซ้ำซ้อนเช่นเดิม เพราะหลายๆคนบอกว่า “แบบนี้..ไม่ใช่พิชิตคนเดิม”, “อย่าทำแบบนี้เลยนะ เธอไม่เหมือนกับพิชิตที่พวกเราเคยรู้จัก..”ฯลฯ ผมแทบจะร้องเพลง “แบกความเจ็บช้ำ ลงเรือข้ามฝั่งมหาชัย” เฮ้อ…ทำไมงานขายประกันชีวิตมันถึงยากขนาดนี้

ใครจะไปรู้ว่า ชีวิตของคนเราเกิดมาแล้วตลอดช่วงชีวิตหนึ่ง จะได้เป็นอะไรบ้าง ได้เป็นอย่างที่ใจตนเองปรารถนา อย่างที่เคยเลือกไว้หรือเปล่า บางครั้งความต้องการที่แท้จริง อยากเป็นนั่น อยากเป็นนี่ พอมีโอกาสได้เป็น กลับค้นพบว่าไม่ใช่สิ่งที่ตนเองชอบ……ความพอเหมาะ ความพอดี พอให้ตนเองเกิดความรู้สึกพึงพอใจได้…ผมจำได้ว่าสมัยตอนผมเป็นเด็กๆอยู่บ้านนอก ชอบเล่นน้ำที่หลังบ้าน มีบัวอยู่มากมายในสระใหญ่ และก็มีคลองเล็กๆ ที่เชื่อมระหว่างสระใหญ่กับแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนเด็กๆพวกเราชอบเล่นน้ำกันมาก แล้วผมก็ชอบเล่นเป็นทหารบ้าง เป็นผู้ร้ายบ้าง สลับกันบ่อยๆกับเพื่อนๆในกลุ่ม ผมชอบเลือกที่จะเป็นทหารไทยผู้ปกป้องประเทศชาติ มีอาวุธคือดินโคลนที่มีอยู่ในน้ำ เมื่อพวกเราต้องการอาวุธ แค่ดำลงไปควักดินโคลนขึ้นมา แล้วขว้างปาใส่กัน สมมติว่ามีการสู้รบเกิดขึ้น สนุกมากครับ แต่การเล่นแบบเด็กๆ จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ระหว่างการเล่นน้ำที่ดำผุดดำว่าย โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเราก็ขว้างปาอาวุธ(ดินโคลน)ใส่กัน แล้วผมก็พลาดจนได้ โดนฝ่ายข้าศึกปาดินโคลนเข้าเต็มตา ทำให้การเล่นต้องหยุดชะงัก เพราะมีดินเข้าไปในเบ้าตาของผม จำได้ว่าต้องนอนรักษาตัวอยู่กับบ้านให้คุณยายและคุณแม่ดูแลประมาณสัปดาห์เศษ หวิดตาบอดเพราะความสนุกที่เกินขอบเขต